การเปลี่ยนแปลงของสหราชอาณาจักร: ภาพรวมของภูมิทัศน์ทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลง

คำว่า “British Shift” สรุปถึงพลวัตที่เปลี่ยนแปลงไปของบรรยากาศทางการเมืองของสหราชอาณาจักร และเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงและถกเถียงอย่างเข้มข้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่การลงประชามติ Brexit ไปจนถึงการเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไป ประเทศนี้ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านอำนาจทางการเมืองและอุดมการณ์ ซึ่งนำไปสู่ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้หลายคนสงสัยเกี่ยวกับอนาคตของหนึ่งในระบอบประชาธิปไตยที่สถาปนามากที่สุดในโลก

ประวัติความเป็นมาของ UK Switch สามารถย้อนกลับไปถึงการลงประชามติที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2559 เมื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอังกฤษลงมติให้ออกจากสหภาพยุโรป (EU) การตัดสินใจดังกล่าวซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ Brexit ถือเป็นจุดเปลี่ยนในประวัติศาสตร์ของประเทศ และก่อให้เกิดความไม่แน่นอนมหาศาลทั้งในประเทศและต่างประเทศ การลงประชามติเผยให้เห็นถึงความแตกแยกที่ลึกซึ้งในสังคมอังกฤษ โดยคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่สนับสนุนให้คงอยู่ในสหภาพยุโรป ในขณะที่คนรุ่นเก่าโหวตให้ออกจากสหภาพยุโรป

ในขณะที่การเจรจาเกี่ยวกับเงื่อนไขในการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษคลี่คลาย พรรคอนุรักษ์นิยมของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ในขณะนั้นก็พยายามดิ้นรนเพื่อทำข้อตกลงที่สร้างความพึงพอใจให้กับทั้งรัฐสภาอังกฤษและสหภาพยุโรป ความแตกแยกภายในพรรคอนุรักษ์นิยมและการขาดฉันทามติในรัฐสภาในที่สุดก็นำไปสู่การลาออกของเมย์และการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ บอริส จอห์นสัน

Johnson เข้ามามีอำนาจในเดือนกรกฎาคม 2019 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับ UK Switch เขาสัญญาว่าจะบรรลุ “Brexit” ภายในเส้นตายวันที่ 31 ตุลาคม “ทำหรือตาย” และเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งทั่วไปก่อนเวลาเพื่อให้แน่ใจว่าเสียงข้างมากในรัฐสภาจะผ่านข้อตกลงถอนตัวที่เขาเสนอ การเลือกตั้งเดือนธันวาคม 2019 ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่เปลี่ยนโฉมภูมิทัศน์ทางการเมืองของสหราชอาณาจักร

พรรคอนุรักษ์นิยมได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งทั่วไป โดยได้คะแนนเสียงข้างมาก 80 ที่นั่งในสภาสามัญ ชัยชนะดังกล่าวถือเป็นคำสั่งที่ชัดเจนสำหรับจอห์นสันในการผลักดันวาระ Brexit ของเขา และยุติความไม่แน่นอนที่กำลังดำเนินอยู่เกี่ยวกับการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ

ด้วยเสียงข้างมากในรัฐสภา การเปลี่ยนแปลงของสหราชอาณาจักรจึงกลับมาอีกครั้งในปี 2020 โดยประเทศจะออกจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 มกราคม และเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่าน ในขณะที่การเจรจาความสัมพันธ์ทางการค้าในอนาคตกำลังดำเนินอยู่ อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) กลายเป็นประเด็นสำคัญ โดยหันเหความสนใจไปจากขั้นตอนสุดท้ายของ Brexit

Switch UK เผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ เนื่องจากโรคระบาดยังคงรบกวนชีวิตประจำวัน และสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อเศรษฐกิจและระบบสาธารณสุขของประเทศ การตอบสนองของรัฐบาลต่อวิกฤติ รวมถึงนโยบายต่างๆ เช่น การปิดเมือง การฉีดวัคซีน และการสนับสนุนทางเศรษฐกิจ อยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่างละเอียด และบดบังคำบรรยายของ Brexit อยู่บ้าง

เมื่อมองไปข้างหน้า ผลที่ตามมาของการเปลี่ยนแปลงของสหราชอาณาจักรยังคงไม่แน่นอน ผลของการเจรจาการค้าที่กำลังดำเนินอยู่กับสหภาพยุโรป ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดใหญ่ และอนาคตของกลุ่มเอง รวมถึงการเรียกร้องเอกราชในสกอตแลนด์ที่เพิ่มมากขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดชะตากรรมของสหราชอาณาจักร

การเปลี่ยนแปลงของสหราชอาณาจักรถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ของประเทศ โดยมีภูมิทัศน์ทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปท่ามกลางการถกเถียงเรื่องอธิปไตย อัตลักษณ์ และความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ การตัดสินใจในวันนี้จะมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อคนรุ่นอนาคตอย่างไม่ต้องสงสัย ความสำเร็จหรือความล้มเหลวสูงสุดของการเปลี่ยนแปลงในสหราชอาณาจักรจะขึ้นอยู่กับวิธีที่ประเทศตอบสนองต่อความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า และสามารถส่งเสริมความสามัคคีและเสถียรภาพท่ามกลางความไม่แน่นอนที่กำลังดำเนินอยู่


เวลาโพสต์: Jul-12-2023